1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. PBN คืออะไร การสร้างเครือข่ายที่ส่งผลต่อ SEO พร้อมข้อควรระวัง
PBN คือ
เผยแพร่เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2025

PBN คืออะไร การสร้างเครือข่ายที่ส่งผลต่อ SEO พร้อมข้อควรระวัง

Table Of Contents

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คือหนึ่งในปัจจัยที่ Google นำมาใช้พิจารณาเลือกเว็บไซต์ที่จะทำมาขึ้นแสดงบนหน้าแรก ยิ่งเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือสูง โอกาสที่เว็บไซต์จะติดอันดับ 1 ก็ยิ่งสูงขึ้น วิธีเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่คนทำ SEO รู้กันดีคือการสร้าง Link Building บนเว็บไซต์อื่นและส่งลิงก์กลับมา หรือที่เรียกว่าการทำ Backlink นั่นเอง วิธีนี้ได้ผลดีมาก แม้แต่เอเจนซี่รับทำ SEO ก็ทำเช่นกัน อย่างไรก็ตามคนที่ไม่ได้ทำ SEO ในฝั่งของ Off-Page เท่าไหร่นัก อาจจะยังไม่เข้าใจว่า PBN คืออะไร มักต่างจากการสร้าง Backlink ที่เราทำ ๆ กันอยู่อย่างไร ANGA จึงจะมาอธิบายให้คุณทราบกันว่า PBN หรือ Private Blog Network คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร พร้อมแจ้งข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวัง

PBN คืออะไร

PBN คือเครือข่ายเว็บบล็อกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำ Backlink ให้กับเว็บไซต์หลักโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Off-Page SEO เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ ซึ่งหลักการทำงานของ PBN คือการสร้างเว็บไซต์ย่อยขึ้นมาหลาย ๆ เว็บ แล้วให้แต่ละเว็บสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนเว็บไซต์หลัก จากนั้นจึงทำการลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์หลักที่ต้องการผลักดันอันดับ เช่น คุณทำธุรกิจคลินิกศัลยกรรมความงาม คุณมีเว็บไซต์หลักอยู่ 1 เว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ติดอันดับบนหน้าแรกได้เร็วขึ้น คุณจึงสร้างเว็บไซต์ PBN ขึ้นมา โดยเนื้อหาภายในเว็บไซต์ PBN จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามแบบเว็บไซต์หลัก จากนั้นก็ทำการสอดแทรกลิงก์ของเว็บไซต์หลักลงไปในเนื้อหา เป็นต้น

การทำ PBN แตกต่างจากการหา Backlink ทั่วไปตรงที่เราสามารถควบคุมคุณภาพและทิศทางของเนื้อหาได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอก เนื่องจากเป็นการสร้างระบบนิเวศของเว็บไซต์ขึ้นมาเอง ทั้งนี้ PBN แต่ละเว็บจำเป็นต้องมีการพัฒนาเนื้อหาอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ เพื่อให้ดูเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริงด้วย

ประเภทของ Private Blog Network

Private Blog Network หรือ PBN แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. PBN ที่มีคุณภาพ

PBN ที่มีคุณภาพจะเป็นการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด มีการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับที่ Search Engine ต้องการ พร้อมกับการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับเว็บไซต์หลัก ส่งผลให้การทำ PBN แบบนี้มีความเป็นธรรมชาติ ดูน่าเชื่อถือ และทำให้ Google รู้สึกว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์หนึ่งที่คอยสนับสนุนเว็บไซต์หลักอย่างเป็นธรรมชาติ ข้อดีคือมีความปลอดภัยสูง มั่นคง ส่งผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาว แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะคุณต้องมีทีมงานมาดูแลเว็บไซต์นี้อย่างจริงจัง เพื่อให้เนื้อหามีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง

2. PBN ที่ไม่มีคุณภาพ

PBN ที่ไม่มีคุณภาพเป็นการซื้อโดเมนเก่าที่หมดอายุแล้วมาใช้งาน พร้อมกับสร้างเนื้อหาขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ว่าโดนเมนจะมีคะแนนสูง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพเทียบเท่ากับเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเนื้อหาเดิมที่เคยมีกับเนื้อหาใหม่ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือเป็นเพราะโดเมนเก่าเคยมีประวัติเสียที่เราอาจไม่รู้มาก่อนได้ วิธีนี้จะเน้นสร้าง Backlink อย่างรวดเร็ว เน้นปริมาณลิงก์มากกว่าคุณภาพ จึงไม่ได้เน้นคุณภาพของเนื้อหามากเท่าไหร่นัก ข้อดีของ PBN ประเภทนี้คือใช้ทรัพยากรคนและเวลาน้อย ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และเห็นผลเร็ว แต่ข้อเสียที่น่ากลัวคือมีความเสี่ยงที่จะถูก Google ลงโทษสูง จึงต้องคอยสร้างเว็บไซต์ PBN ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

PBN สำคัญอย่างไร ทำไมต้องทำ?

นักทำ SEO ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการสร้าง Backlink เพราะมันคือตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ในสายตา Google แต่การที่จะขอให้เว็บไซต์อื่นมาลิงก์หาเรานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับความไว้วางใจ บางครั้งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ๆ ในการซื้อพื้นที่โฆษณาด้วย การทำ PBN จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถสร้างเครือข่าย Backlink คุณภาพได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเว็บไซต์อื่น

ข้อดีของการทำ PBN

  • ควบคุมคุณภาพและทิศทางของ Backlink ได้อย่างเต็มที่
  • ปรับเปลี่ยนเนื้อหาและ Anchor text ได้ตามต้องการ
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวเมื่อเทียบกับการซื้อ Backlink แบบรายครั้ง
  • สามารถสร้างเครือข่ายเว็บไซต์ที่สนับสนุนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีอิสระในการจัดการและปรับแต่งเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา
  • ใช้ในการสร้างรายได้เสริมจากโฆษณาบนเว็บไซต์ PBN ได้

ข้อเสียของการทำ PBN

  • มีความเสี่ยงที่จะถูก Google ลงโทษหากทำไม่ถูกวิธี
  • ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากในการดูแลระบบ
  • ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการเครือข่าย
  • มีต้นทุนเริ่มต้นสูงในการสร้างและดูแลระบบ
  • ต้องคอยติดตามและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม
  • อาจเสียเวลาและเงินโดยเปล่าประโยชน์หากทำไม่ถูกวิธี

ข้อควรระวังในการทำ PBN

  • ควรใช้ IP Hosting และ Location แยกกันสำหรับแต่ละเว็บไซต์ในเครือข่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ Template และการออกแบบเว็บไซต์ที่เหมือนกัน
  • ไม่ควรใช้ข้อมูลผู้ลงทะเบียนโดเมนและโฮสติ้งซ้ำกัน
  • ระวังการสร้าง Backlink จากหลายเว็บในเครือข่ายไปยังหน้าเดียวกัน
  • ไม่คัดลอกหรือใช้เนื้อหาซ้ำกันระหว่างเว็บไซต์ในเครือข่าย (สร้างใหม่เท่านั้น)
  • สร้างรูปแบบการเชื่อมโยง Backlink ให้ดูเป็นธรรมชาติ
  • อัปเดตเนื้อหาแต่ละเว็บอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ดูมีความน่าเชื่อถือ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ Anchor text เดิมซ้ำ ๆ ในการทำ Backlink
  • ระมัดระวังไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าทุกเว็บไซต์เป็นเว็บไซต์ในเครือเดียวกัน
  • ตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพของแต่ละเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง

บทสรุป

การสร้างเครือข่ายเว็บไซต์หรือ PBN คือกลยุทธ์ SEO ที่ได้รับความนิยม แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากทำอย่างมีคุณภาพและระมัดระวัง ก็สามารถช่วยผลักดันอันดับเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากทำผิดวิธีหรือมุ่งเน้นแต่ปริมาณ ก็อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจในระยะยาวได้ สำหรับผู้ที่สนใจทำ PBN ควรเริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน ประเมินความพร้อมทั้งด้านงบประมาณและบุคลากร และที่สำคัญคือต้องมีพร้อมที่จะดูแลระบบอย่างต่อเนื่องด้วย หากเรื่องเหล่านี้ไม่พร้อม แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทรับทำ SEO ที่มีคุณภาพ และใช้เทคนิคการทำ SEO สายขาวเท่านั้น เพื่อการเติบโตของเว็บไซต์อย่างยั่งยืนและไร้ความเสี่ยงในการโดนลงโทษจาก Google

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
58

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
71

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
72
th