1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. ทำความรู้จัก Cloaking คืออะไร เทคนิค SEO สายดำ เสี่ยงโดนแบน
ทำความรู้จัก Cloaking คืออะไร เทคนิค SEO สายดำ เสี่ยงโดนแบน
เผยแพร่เมื่อ: กันยายน 12, 2024 | แก้ไขเมื่อ: กันยายน 15, 2024

ทำความรู้จัก Cloaking คืออะไร เทคนิค SEO สายดำ เสี่ยงโดนแบน

Table Of Contents

เมื่อคุณกำลังมองหาสินค้าหรือข้อมูลบน Google อยู่ เคยไหมที่ชื่อเว็บไซต์เป็นเรื่องที่คุณตามหา แต่พอคลิกเข้าไปแล้วกลับเป็นเว็บพนันหรือเว็บแปลก ๆ ที่ดูน่ากลัวพิลึกพิลั่น สิ่งที่คุณเห็นนี้เรียกว่า “Cloaking” ซึ่ง Cloaking คือเทคนิคการทำ SEO รูปแบบหนึ่ง ที่เอาไว้หลอก Search Engine อย่าง Google ว่าหน้าเว็บนี้ให้ข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์นะ เอาเว็บไซต์ฉันไปจัดอันดับสิ แต่ในความเป็นจริงหน้านั้นกลับไม่มีคุณภาพเลย อีกทั้งยังมักจะเป็นเว็บไซต์ของธุรกิจที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

แองก้าจะพาคุณไปล้วงลึกทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่าการทำ Cloaking คืออะไร, Cloaking ดียังไง เห็นผลจริงไหม ทำไมยังมีคนทำอยู่, ผลกระทบที่ตามมาจากการทำ Cloaking คืออะไร และถ้าจะหาบริษัทรับทำ SEO มาดูแลเว็บไซต์ ควรเลือกยังไงไม่ให้เจอเอเจนซี่สายดำ !?

Cloaking คืออะไร

Cloaking คือการทำให้ Search Engine เข้าใจว่าหน้าเว็บไซต์นี้มีเนื้อหาเป็นแบบหนึ่ง แต่แสดงผลบนหน้าจอของผู้ใช้งานอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะแตกต่างกันตาม User-Agent ของผู้ใช้งาน เพื่อหลอกให้ Search Engine เข้าใจว่าเนื้อหาในเว็บไซต์นี้ เหมาะแก่การจัดอันดับ และคาดหวังให้หน้าดังกล่าวติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine แน่นอนว่าการทำ Cloaking คือการทำ SEO สายดำที่ Google และแองก้าไม่แนะนำเสียเลย เพราะมีโอกาสสูงที่เว็บไซต์จะถูกแบนและโดนถอดออกจากฐานข้อมูลของ Google ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วคีย์เวิร์ดที่คนนิยมนำไปทำ Cloaking มักจะเป็นคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงมาก ๆ เพราะมันสามารถดึง Traffic ได้มากนั่นเอง

Cloaking คืออะไร

ตัวอย่างการทำ Cloaking 

  • คีย์เวิร์ด (Keyword) : “เว็บย่อลิงค์”
  • Title ที่แสดงบนหน้า SERP : “ย่อลิงค์ ย่อurl ให้สั้นโดยที่เรากำหนดชื่อลิงค์ได้เอง ด้วยเว็บ bitly com” และ “7 ตัวย่อ URL ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจและโซเชียลมีเดีย 2024”
  • หน้าเว็บไซต์ที่แสดงเมื่อกดเข้าไปชม : เว็บไซต์ที่ให้บริการเกี่ยวกับการพนันออนไลน์
ตัวอย่างการทำ Cloaking

ประโยชน์ของการทำ Cloaking คืออะไร

ประโยชน์ของการทำ Cloaking คืออะไร ทำไมนักทำ SEO บางคน ถึงเลือกใช้วิธีสายดำอย่าง Cloaking แทนการทำ SEO สายขาวล่ะ? มาดูกัน

  • เลี่ยงไม่ให้เว็บไซต์โดนลงโทษและโดนแบน เพราะเว็บไซต์ทำผิดนโยบายของ Google
  • เพิ่มอันดับเว็บไซต์บนหน้าแสดงผลการค้นหา เพื่อดึง Traffic ด้วยคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาเยอะ
  • เห็นผลรวดเร็วทันใจ เว็บไซต์ติดอันดับไว เพิ่ม Organic Traffic ได้มหาศาล

ทำไมคุณถึงไม่ควรทำ Cloaking บนเว็บไซต์

ตามที่ได้กล่าวไปว่า Cloaking คือการทำ SEO สายดำ อะไร ๆ ที่ขึ้นชื่อว่า “สายดำ” หรือ “สายเทา” เราไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว อย่างการทำ SEO สายดำคือการทำ SEO ด้วยเทคนิคและวิธีที่ผิด ๆ เพื่อให้ติดอันดับอย่างรวดเร็ว โดยการใช้ช่องโหว่จากอัลกอริทึมของ Search Engine มากระทำสิ่งที่ผิดกฎของ Google นั่นเอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ตรงตามที่คาดหวัง แต่มันก็แค่ทำให้คุณภูมิใจที่ได้ครองอันดับดี ๆ บนหน้าแรกไม่นาน หลังจากนั้นเว็บไซต์ก็จะถูกลดอันดับและถูกแบนออกไปได้ นอกจากเทคนิคในการทำ SEO สายดำจะมีการทำ Cloaking แล้ว ยังมีเทคนิคอื่น ๆ ด้วย เช่น 

  • Keyword Stuffing : การยัดคีย์เวิร์ดคำเดียวซ้ำ ๆ ลงไปในเว็บไซต์หน้าเดียว
  • Doorway Pages : การสร้างหน้าเว็บไซต์จำนวนมากขึ้นมา แค่เนื้อหาภายในจะมีแค่คีย์เวิร์ดล้วน ๆ ไม่มีเนื้อหาหรือคำอธิบายอื่น ๆ เลย
  • Duplicate Content : การสร้างหน้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาซ้ำกับหน้าอื่น ๆ หรือการใช้เนื้อหาซ้ำซ้อน
  • Spam Backlink : การสร้าง Backlink ที่ไร้คุณภาพจำนวนมาก เพื่อให้ Search Engine เข้าใจว่ามีเว็บไซต์อื่นส่งคะแนนโหวตมาให้เยอะ ๆ เพื่อที่จะได้นำไปจัดอันดับให้สูงขึ้น

โทษของการทำ Cloaking หากโดนตรวจจับได้

หากคุณทำ Cloaking แล้วโดน Google ตรวจจับได้ โดเมนเว็บไซต์ของคุณก็จะโดนแบนแบบถาวร เว็บไซต์ยังคงอยู่แต่ไม่สามารถแสดงผลบน Google ได้อีก (ไม่มีทางติดอันดับ ไม่มีทางที่จะได้ Traffic จาก Google) หรือแม้แต่ในกรณีที่เว็บไซต์โดนแฮ็กให้เปลี่ยนจากเว็บไซต์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป เป็นเว็บไซต์ผิดกฎหมายหรืออื่น ๆ ที่ผิดนโยบายของ Google เว็บไซต์และเครื่องหมายการค้าของธุรกิจดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะถูก Google แบนได้เช่นกัน

ถ้าเผลอไปกดเข้าเว็บไซต์ Cloaking จะเป็นอะไรไหม?

ถ้าคุณเผลอเข้าไปเจอกับเว็บไซต์ที่ทำ Cloaking ล่ะก็ ขอแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. เว็บไซต์ Cloaking ที่อันตราย

เว็บไซต์ Cloaking ที่อันตรายจะมีการ Redirect ไปยังหน้าดาวน์โหลดไฟล์ต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้งานอาจจะเห็นว่ามีการดาวน์โหลดเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ๆ ถ้าเจอเผลอเข้าไปบนเว็บไซต์พวกนี้ล่ะก็ต้องรีบเช็กโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่โดยด่วน เพื่อมองหาแอปพลิเคชันหรือไฟล์ที่เราไม่ได้ดาวน์โหลดมาด้วยตัวเอง

2. เว็บไซต์ Cloaking ที่ไม่อันตราย

เว็บไซต์ Cloaking ที่ไม่อันตรายคือเว็บที่กดเข้าไปแล้วเป็นหน้าที่ไม่ตรงกับสิ่งที่เราค้นหา อาจจะขึ้นฟอร์มให้กรอกข้อมูล มีปุ่มต่าง ๆ ให้คลิก หรือมีวิดีโอให้ดู แต่ไม่ได้มีการดาวน์โหลดไฟล์แบบอัตโนมัติให้ และเราก็ไม่ได้กดคลิกอะไรนอกจากกดปิดเว็บไซต์ไป อันนี้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ เพราะผู้ทำ Cloaking แบบนี้ มักจะหวังให้มีคนมองเห็นเยอะ ๆ และเผลอตัวไปสมัครหรือดำเนินการตามที่เขาต้องการ อย่างเช่นการเล่นพนัน เป็นต้น

เลือกเอเจนซี่ทำ SEO อย่างไร ไม่ให้เจอสายดำ

ถ้าคุณคุ้นเคยกับการทำ SEO มาบ้าง หรืออ่านเนื้อหามาจนถึงตรงนี้แล้ว คุณคงจะพอแยกออกว่าหน้าเว็บไซต์ไหนบ้างบน Google ที่ใช้เทคนิค Cloaking ในการหลอกลวง Search Engine วิธีดูง่าย ๆ ก็คือการดูจาก URL เว็บไซต์, โลโก้ และ Meta Description เพราะ URL และโลโก้ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ส่วน Meta Description ก็มักจะถูกลืม เนื่องจากคนทำ Cloaking มุ่งเน้นไปที่การตกแต่ง Title ที่โดดเด่นสะดุดตามากกว่า

แต่การเลือกดูเอเจนซี่ทำ SEO สายดำมันไม่ได้สังเกตง่ายขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้เรามาจดเช็กลิสต์กันอีกสักนิดว่าควรเลือกเอเจนซี่ที่มีลักษณะแบบไหน จึงจะเจอเอเจนซี่สายขาวที่มีคุณภาพจริง ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในระยะยาว และไม่เสี่ยงทำให้เว็บไซต์โดนปิดกั้น เนื่องจากเอเจนซี่รับทำ SEO สายดำบางแห่ง ก็หลอกลูกค้าที่ไม่ได้รู้เรื่อง SEO ว่าเป็นเทคนิคสายขาว ทำให้พอหมดสัญญาเลิกจ้าง Website Traffic และอันดับเว็บไซต์ตกลงทันทีได้

  • มี Case Study หรือผลงานการทำ SEO ให้กับลูกค้าให้ชม
  • ให้คำแนะนำและอธิบายกลยุทธ์การทำ SEO ได้อย่างชัดเจน
  • มีขั้นตอนการทำงานที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบและติดตามผลได้
  • สามารถตอบคำถามที่คุณสงสัยได้อย่างครบถ้วน
  • มีประสบการณ์ในการทำ SEO เยอะ และเคยได้รับรางวัลด้าน SEO
  • เอเจนซี่ที่มีค่าบริการปานกลางถึงสูง ไม่ถูกจนเกินไป
  • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการด้าน SEO ให้ชม แนะนำให้ดูรีวิวบน Google Maps เป็นหลัก
  • ทั้งเนื้อหาในบทความและเนื้อหาใน Backlink ล้วนมีคุณภาพ ไม่ใช้ AI เขียน ไม่คัดลอกเนื้อหาจากที่อื่นมาใช้ หรือไม่มีการสแปมคีย์เวิร์ด
  • มีการใส่ที่อยู่และช่องทางการติดต่ออย่างละเอียด เพื่อยืนยันตัวตนและแสดงความน่าเชื่อถือ

บทสรุป

ทุกโปรแกรมบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ 100% และอัลกอริทึมของ Google เองก็สามารถมีจุดบกพร่องและช่องโหว่ได้เช่นกัน ช่องโหว่เหล่านี้ทำให้เกิดเป็นเทคนิคการทำ SEO สายดำขึ้นมา ดังเช่นการทำ Cloaking ที่เราได้เอามาอธิบายกันผ่านบทความนี้ การทำ Cloaking คือวิธีที่สามารถช่วยกู้อันดับเว็บไซต์ได้จริง แต่เป็นกลโกงและวิธีการที่แองก้าไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลลัพธ์ที่จะได้นั้นไม่คุ้มที่จะเสียไปเอาซะเลย คุณไม่ควรเอาชื่อเสียงเว็บไซต์ที่สั่งสมมาไปเสี่ยงทำอะไรผิด ๆ จนตกเป็นเป้าหมายของ Google ในทางที่ไม่ดี เพราะอย่างที่เราได้กล่าวไปว่าเว็บไซต์ของคุณอาจจะถูกแบนหลังจากทำ Cloaking ได้ถ้าคุณอยากเพิ่มอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก ขอแนะนำให้เน้นไปที่การสร้าง Quality Content, ทำ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ, ปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ใช้งานสะดวกที่สุด และแก้ปัญหาเชิงเทคนิคให้ครบจะดีและคุ้มค่ากว่ามาก

บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์

Web Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่มีความสำคัญมาในการทำให้เว็บไซต์เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Traffic มาได้จากหลายช่องทาง อาทิ Paid, Direct, Social Media, Referral และ Organic Traffic แต่ Traf
53

Breadcrumb Navigation ป้ายนำทางบนเว็บไซต์ ที่ส่งผลดีต่อ SEO

เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีหน้าเว็บและข้อมูลเยอะมาก อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกสับสนและหลงทางได้ การมีตัวช่วยนำทางบนเว็บไซต์หรือ Breadcrumb Navigation ติดตั้งไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับ
53

รู้จัก DeepSeek AI เอไอสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ต้องบอกว่าในปี 2025 นี้ แพลตฟอร์ม AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายด้านได้อีกด้วย คุณสามารถใช้ AI ในการทำงานแทน อย่างเขียนบทความ สรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาข้อมูล เขี
53
th