1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. A/B Testing คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์
A_B Testing
เผยแพร่เมื่อ: ตุลาคม 24, 2024

A/B Testing คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์

Table Of Contents

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเว็บไซต์ที่คุณทุ่มเทสร้างมาอย่างดี กลับไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามที่คาดหวังไว้หรือบางทีคุณอาจกำลังคิดว่าควรปรับปรุงอะไรบนเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน? นี่แหละคือเหตุผลที่ A/B Testing เข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกของการตลาดออนไลน์ วันนี้ ANGA จะพาคุณมารู้จักว่าการทำ A/B Testing คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ พร้อมแนะนำขั้นตอนการทำ A/B Testing ผ่านบทความนี้

A/B Testing คืออะไร

A/B Testing คือการทดสอบเปรียบเทียบระหว่างสองเวอร์ชันของหน้าเว็บหรือองค์ประกอบบนเว็บไซต์ เพื่อดูว่าเวอร์ชันไหนทำงานได้ดีกว่ากัน โดยวัดจากการตอบสนองของผู้ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การเดาสุ่มหรือใช้สัญชาตญาณของเจ้าของเว็บ

A/B Testing สำคัญกับธุรกิจบนโลกออนไลน์อย่างไร

ในยุคที่ใคร ๆ ก็ต้องหันมาแย่งชิงความสนใจจากลูกค้าบนโลกออนไลน์ เราจึงไม่สามารถคาดเดาด้วยตัวเองได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร หรือชื่นชอบหน้าเว็บไซต์และวิธีการสั่งซื้อสินค้าแบบไหน จนกว่าจะได้ Data จากการติดตามพฤติกรรมของลูกค้าจริง หรือไม่ก็ทำ A/B Testing เพื่อทดสอบความต้องการของพวกเขาก่อน เพราะการที่คุณทำทุกอย่างแบบเดาสุ่ม จะทำให้คุณเสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเสียเปล่า เนื่องจากไม่เกิดผลลัพธ์และยอดขายตามที่ต้องการ ด้วยเหตุนี้ การทำ A/B Testing จึงมีความสำคัญมากกับธุรกิจที่มองหาลูกค้าจากโลกออนไลน์

การที่คุณมีลูกค้าเข้ามาใช้งานบนเว็บไซต์ขายของออนไลน์ แต่ลูกค้าดันเข้ามาดูเฉย ๆ และปิดออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าเลยสักชิ้น (Traffic สูง แต่ Coversion ต่ำ) นี่คือสัญญาณว่าเว็บไซต์คุณกำลังมีปัญหาและไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจของลูกค้า ซึ่งการทำ A/B Testing คือสิ่งที่จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ มันไม่ได้มีประโยชน์ต่อยอดขายเท่านั้น ยังช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ลึกซึ้งขึ้นอีกด้วย

  • ช่วยให้เรารู้ Insight พฤติกรรมผู้ใช้ เห็นว่าอะไรจูงใจลูกค้าให้คลิกหรือซื้อจริง ๆ
  • ทำให้เราสามารถปรับแต่งเว็บไซต์หรือแคมเปญได้ตรงจุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
  • AB Testing ช่วยลดความเสี่ยง เพราะเราได้ลองไอเดียใหม่ ๆ ก่อนใช้จริง แบบไม่ต้องเดาสุ่ม
  • เราสามารถเพิ่มยอดขายแบบมีหลักการ โดยใช้ข้อมูลจริงในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่การคาดเดา
  • A/B Testing ช่วยปรับปรุง SEO อย่างแม่นยำ ทำให้เราหาคีย์เวิร์ดหรือเนื้อหาที่ดึงดูดคนจริง ๆ
  • ช่วยประหยัดงบประมาณในการยิงโฆษณาและทำการตลาดได้
  • ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีมากขึ้นและทำให้พวกเขาประทับใจได้
  • ผลลัพธ์หลังจากการทำ A/B Testing มีความชัดเจน วัดผลเป็นตัวเลขได้ พร้อมกับเปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังการทดสอบได้
  • ทำให้เราปรับปรุงกลยุทธ์และปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้ซื้อได้เร็วขึ้น รู้ว่าอะไรควรแก้ไขและอะไรควรทำต่อไป
  • A/B Testing ช่วยสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ยังใช้วิธีการแบบเดิม ๆ อยู่ เพราะเราใช้ข้อมูลจริงที่อัปเดตใหม่ล่าสุดมาทำ 

A/B Testing ทำงานอย่างไร

การทำงานของ A/B Testing คือการนำสิ่งที่คุณต้องการทดสอบอย่าง Landing Page, แบนเนอร์โฆษณา หรือหน้าเว็บไซต์มาเปรียบเทียบกัน ระหว่างเวอร์ชัน A และเวอร์ชัน B พร้อมกับแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 2 กลุ่มเท่า ๆ กัน (กลุ่มเป้าหมายทั้งสองกลุ่มจะมองเห็นสิ่งที่เราทดสอบในเวอร์ชันที่ต่างกัน) เมื่อการทดสอบ A/B Testing เสร็จสิ้นเราก็จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติและพิจารณาว่าเวอร์ชันไหนทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน

การทดสอบเปรียบเทียบระหว่างสองเวอร์ชันของสิ่งที่เราต้องการทดสอบ โดยแบ่งผู้ใช้ออกเป็นสองกลุ่มเท่าๆ กัน แต่ละกลุ่มจะเห็นเวอร์ชันที่แตกต่างกัน จากนั้นเราวัดผลว่าเวอร์ชันไหนทำงานได้ดีกว่ากันตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในตอนแรก

ตัวอย่างการทำ A/B Testing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO บนเว็บไซต์

สมมติว่าเว็บไซต์ธุรกิจของคุณเป็นเว็บไซต์จำหน่ายวัตถุดิบอาหารเจ อาทิ พริกแกงเจ หมูกรอบทำจากพืช โปรตีนข้าวสาลี หรือไก่หมักนุ่มจากพืช คุณต้องการให้คีย์เวิร์ดคำว่า “สูตรอาหารเจ” ติดอันดับการค้นหาบน Google คุณจึงทำ A/B Testing ทดสอบดูว่าผู้ใช้งานและ Google ชอบ Meta Tags แบบไหนมากกว่ากัน

เวอร์ชัน A :

  • Title : 10 เมนูสูตรอาหารเจ ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน
  • Meta description : รวมสูตรอาหารเจ 10 เมนู ทำง่าย อร่อย ได้ประโยชน์ สำหรับมือใหม่

เวอร์ชัน B :

  • Title : สูตรอาหารเจ 10 เมนูยอดนิยมสำหรับคนรักสุขภาพ
  • Meta description : แนะนำ 10 สูตรอาหารเจสุดฮิต รสชาติอร่อย ทำง่าย พร้อมเคล็ดลับการเลือกวัตถุดิบ

เราจะปล่อยให้ทั้งสองเวอร์ชันทำงานไปได้ระยะหนึ่ง (อาจจะมีการระบุระยะเวลาที่ชัดเจนอย่าง 1 เดือน หรือ 3 เดือนก็ได้) เมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็นำ Data มาวิเคราะห์ว่าเวอร์ชันไหนมี Impression, Traffic, Click และสร้าง Conversion Rate ได้มากกว่ากัน เพื่อที่คุณจะได้นำไปปรับปรุงประสิทธิภาพของ SEO ต่อไป

ตัวอย่างการทำ A/B Testing สำหรับ Facebook Ads

สมมติว่าธุรกิจของคุณคือสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่ปกติคุณจะสอนแบบ Onsite ที่สถาบันเท่านั้น แต่ตอนนี้คุณได้เปิดคลาสเรียนภาษาอังกฤษแบบ Online เพิ่ม จึงต้องการโปรโมตคลาสนี้ให้เป็นที่รู้จักและมีคนเข้ามาลงทะเบียนเยอะ ๆ โดยกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของคุณจะเป็นผู้ใช้งานบน Facebook ดังนั้น คุณจึงทำ A/B Testing Facebook Ads โดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของข้อความโฆษณาที่อยู่ใน Banner Ads

เวอร์ชัน A : 

  • ข้อความโฆษณา : พูดอังกฤษคล่องใน 30 วัน! สมัครเลย รับส่วนลด 50%
  • Call-to-action : สมัครเลย

เวอร์ชัน B :

  • ข้อความโฆษณา : เรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา ตัวต่อตัว เริ่มต้นเพียงวันละ 20 นาที
  • Call-to-action : จองคลาสฟรี

A/B Testing ทดสอบอะไรได้บ้าง

  • ข้อความในโฆษณา (Ad copy)
  • การจัดวางองค์ประกอบบนหน้าเว็บ (Layout)
  • รูปแบบฟอร์มกรอกข้อมูล
  • รูปแบบและสีของปุ่มกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA buttons)
  • เนื้อหา, Title Tags, Meta Description
  • ตำแหน่งของโฆษณาบนหน้าเว็บ
  • สีพื้นหลังของเว็บไซต์หรือโฆษณา
  • โปรโมชันหรือข้อเสนอ
  • การใช้วิดีโอ VS รูปภาพ
  • ประเภทของ Landing page
  • การเลือกใช้ฟอนต์ ขนาดตัวอักษร สีของตัวอักษร
  • ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
  • ระบบนำทางเว็บไซต์ (Navigation)
  • ขั้นตอนการชำระเงิน (Checkout process)
  • และอื่น ๆ อีกมากมาย

รูปแบบของการทำ A/B Testing

รูปแบบในการทำ A/B Testing สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้

1. Split URL Testing

Split URL Testing คือการทดสอบแบบแยก URL มีหลักการคือการสร้าง URL ออกเป็น 2 เวอร์ชัน แล้วนำไปทดลองใช้พร้อมกัน จากนั้นจึงวิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อดูว่าเวอร์ชันไหนมีประสิทธิภาพดีที่สุด เช่น กลุ่มแรกเห็นหน้าเว็บไซต์แบบเดิม ส่วนอีกกลุ่มเห็นหน้าเว็บแบบใหม่ที่เราอยากลอง

2. Multivariate Testing 

Multivariate Testing (MVT) คือการทดสอบแบบเปรียบเทียบหลายองค์ประกอบพร้อม ๆ กัน เช่น เปลี่ยนทั้งหัวข้อ, ปุ่ม CTA, รูปภาพ และสีพื้นหลัง โดยการวิเคราะห์ผลลัพธ์จะซับซ้อนกว่า เนื่องจากมีตัวแปรที่ต้องพิจารณาหลายตัว 

3. Multipage Testing

Multipage Testing คือการทดสอบแบบหลายหน้า อาจจะทดสอบโดยการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนหน้าเว็บไซต์ หรือจะเปลี่ยนองค์ประกอบแค่บางส่วนก็ได้เช่นกัน

ขั้นตอนการทำ A/B Testing 

  1. กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายให้ชัดเจน
  2. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ และหาจุดที่ต้องการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
  3. สร้างสมมติฐานและการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้
  4. ออกแบบการทดสอบเป็นเวอร์ชัน A และเวอร์ชัน B
  5. กำหนดจำนวนของตัวอย่างการทดสอบ กลุ่มเป้าหมาย และระบุระยะเวลาของการทำ A/B Testing
  6. เริ่มการทดสอบ A/B Testing โดยแสดงเวอร์ชัน A และ B สลับกันแก่กลุ่มเป้าหมาย
  7. เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากทั้งสองเวอร์ชันตลอดระยะเวลาการทดสอบ
  8. วิเคราะห์ผลโดยใช้เครื่องมือทางสถิติที่เหมาะสม เพื่อหาว่าอะไรดีกว่ากัน
  9. นำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการทดสอบมาใช้ในการวางแผนการปรับปรุงต่อไป

บทสรุป

A/B Testing คือกระบวนการทดสอบเปรียบเทียบระหว่างสองเวอร์ชันขององค์ประกอบบนเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาดออนไลน์ เพื่อหาว่าแบบไหนมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ากัน โดยใช้ข้อมูลและสถิติของจริงเป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่การคาดเดาของนักการตลาดแบบไม่มี Data อะไรมาอ้างอิง ซึ่งการทำ A/B Testing จะช่วยให้เราปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดและเว็บไซต์ รวมถึง SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะตามมาด้วยโอกาสในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ดีขึ้นกว่าเดิม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
57

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
70

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
70
th