1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Google กลับลำไม่ยกเลิก Third-Party Cookies แล้ว!
Google ไม่ยกเลิก Third-Party Cookies แล้ว
เผยแพร่เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2024

Google กลับลำไม่ยกเลิก Third-Party Cookies แล้ว!

Table Of Contents

ย้อนกลับไปในปี 2019 ได้มีประกาศสำคัญที่ว่า Google ยกเลิก Cookies บน Chrome และคาดว่าจะเลิกใช้ Third-Party Cookies ทั้งหมดได้ภายในปี 2024 เพราะ Google ต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน พร้อมทั้งมีระบบ Privacy Sandbox เข้ามาแทนที่ระบบโฆษณาแบบเดิม จากการใช้ API อื่น ๆ แทนการใช้งาน Cookies ในการแสดงโฆษณา

ซึ่งในช่วงต้นปี 2024 Google ก็ได้ทดลองยกเลิกการใช้งาน Third-Party Cookies อย่างจริงจังกับผู้ใช้ 1% แต่ดูท่าการยกเลิกนี้จะไม่เวิร์กเอาซะเลย จึงทำให้ Google ต้องกลับลำ ไม่ยกเลิก การใช้งาน Third-Party Cookies ในตอนนี้ แต่อนาคตก็ไม่แน่ เพราะเราต้องติดตามดูกันต่อไป โดย ANGA ได้สรุปประเด็นสำคัญของเรื่องนี้มาไว้ในบทความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาติดตามอ่านกันต่อได้เลย

เหตุผลที่ทำให้ Google ไม่ยกเลิก Cookies

เหตุผลที่ทำให้ Google ตัดสินใจไม่ยกเลิก Third-Party Cookies มาจากหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน คือ Google ต้องการเวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีทางเลือกในการทำโฆษณาเพิ่มขึ้น, เสียงสะท้อนจากเหล่านักโฆษณาและเจ้าของเว็บไซต์ว่าสิ่งที่ Google ทำนั้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในทางที่แย่ลง และที่สำคัญเลยคือการได้รับแรงกดดันจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะแรงกดดันจาก UK’s Competition and Markets Authority (หน่วยงานที่กำกับดูแลการแข่งขันและการตลาดของสหราชอาณาจักร) ที่มีหลักฐานว่าการปิดใช้งาน Cookies นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อนักโฆษณาและเจ้าของเว็บไซต์อย่างหนัก

Privacy Sandbox ยังไม่หายไปไหน

Privacy Sandbox

Privacy Sandbox เป็นโครงการริเริ่มของ Google ที่มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการโฆษณา โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้น วัตถุประสงค์หลักคือการลดการพึ่งพา Third-Party Cookies ในการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ออนไลน์ และสร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวกับความต้องการของนักการตลาด ซึ่งเป็นการใช้ API ต่าง ๆ แทนการใช้ Cookies เพื่อให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการทำโฆษณา โดยไม่ต้องติดตามผู้ใช้รายบุคคล มีระบบการทำงานที่เน้นการประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ และใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบรวมกลุ่มเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล 

ซึ่งตอนนี้ Google ยังคงมุ่งพัฒนา Privacy Sandbox ต่อไป ถึงแม้ว่า Cookies จะยังคงอยู่ก็ตาม เพราะ Google เชื่อว่า Privacy Sandbox คือแนวทางที่ถูกต้องสำหรับการทำโฆษณาออนไลน์ในอนาคต และมุ่งหวังให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้มากขึ้น ในฝั่งของผู้ลงโฆษณาเองก็สามารถโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องอาศัย Third-Party Cookies อย่างไรก็ตามอนาคตของ Privacy Sandbox ยังคงไม่มีความแน่นอนใด ๆ เพราะ Google ก็ต้องพิจารณาปัจจัยด้านต่าง ๆ อย่างพฤติกรรมผู้ใช้งาน เทคโนโลยี หรือกฎหมายด้วยเช่นกัน

เผยผลการทดสอบ Privacy Sandbox

คุณคงจะสงสัยว่า Privacy Sandbox มันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน? ทำไม Google ถึงได้มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบนี้อย่างแรงกล้า Google ก็ได้มีการเผยผลการทดสอบให้เราทราบกันด้วย โดยพบว่า Privacy Sandbox APIs มีประสิทธิภาพที่ดีและสร้างผลลัพธ์ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ เช่น การกู้คืนค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้ถึง 89% บน Google Display Ads และ 86% บน Display & Video 360 เป็นต้น แต่ในส่วนของแคมเปญ Remarketing ยังไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากแคมเปญนี้ต้องอาศัย Third-Party Cookies ในการปรับแต่งแคมเปญโฆษณา

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ลงโฆษณา

ผู้ลงโฆษณาหรือนักการตลาดออนไลน์ยังคงสามารถใช้ข้อมูลจาก Third-Party Cookies เพื่อทำการตลาด ยิงโฆษณา และวัดผลต่อไปได้ ดังนั้น แผนการตลาด Cookieless (โลกที่ไร้คุกกี้) ที่เคยวางไว้ จะต้องถูกรื้อมาตรวจสอบและวางแผนปรับปรุงกลยุทธ์ใหม่ อาจจะกลับไปใช้แผนเดิมที่เคยดำเนินการไว้ก็ได้ แต่อย่าลืมว่า Google มีการอัปเดตอัลกอริทึมอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องตรวจสอบการอัปเดตครั้งล่าสุดร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้แรงกดดันและความกังวล จากการที่ Google ยกเลิก Cookies แล้วเจ้าของเว็บไซต์ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Privacy Sandbox ลดลงได้ด้วยเช่นกัน

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเจ้าของเว็บไซต์

จากการทดสอบพบว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเจ้าของเว็บไซต์ที่ปิดการใช้งาน Third-Party Cookies และไม่ได้ใช้งานระบบ Privacy Sandbox คือรายได้จากการโฆษณาลดลงถึง 34% แต่เมื่อใช้งานระบบ Privacy Sandbox ผลกระทบดังกล่าวลดลง จาก 34% เหลือเพียง 20% เท่านั้น

ฟีเจอร์ใหม่บน Chrome กำลังจะมา!

แทนที่ Google จะยกเลิก Cookies ทั้งหมด Google เลือกที่จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่บน Chrome เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งาน Cookies ด้วยตัวเองได้แทน เพื่อเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้ใช้งานว่าอยากจะมอบข้อมูลส่วนตัวให้หรือไม่ และได้แนะนำฟีเจอร์ “การป้องกัน IP” บนโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ในการปกปิด IP ของผู้ใช้งานจากบริษัทเทคโนโลยีด้านโฆษณาที่ใช้ IP ในการติดตามผู้ใช้งานอีกด้วย

บทสรุปและสิ่งที่นักการตลาดต้องทำต่อไป

สรุปได้ว่า Google ตัดสินใจไม่ยกเลิกการปิดกั้น Third-Party Cookies บน Chrome แล้ว เพราะฉะนั้นนักการตลาดอย่างเรา ก็สามารถใช้ Third-Party Cookies มาทำการตลาดต่อไปได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความแน่นอน เพราะ Google สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้ทุกเมื่อ สิ่งที่เราควรทำคือการจับตามองว่า Google จะมีการอัปเดตอะไรใหม่ ๆ หรือไม่ ดำเนินการเก็บและใช้ข้อมูลของตัวเองต่อไป (First-party data) เพราะมันจะเป็นประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอน และสุดท้ายคือการศึกษาและทดลองใช้ Privacy Sandbox APIs เพื่อให้เข้าใจการทำงานและประสิทธิภาพก่อนใคร เนื่องจาก Google ยังไม่ได้ล้มเลิกการใช้งานระบบนี้ ซึ่งมันอาจจะมีความสำคัญและจำเป็นมาก ๆ ในอนาคตได้ (รู้ก่อนคู่แข่ง ได้เปรียบก่อนใคร ศึกษาไว้ดีกว่าตามคนอื่นไม่ทัน)

บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์

Web Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่มีความสำคัญมาในการทำให้เว็บไซต์เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Traffic มาได้จากหลายช่องทาง อาทิ Paid, Direct, Social Media, Referral และ Organic Traffic แต่ Traf
53

Breadcrumb Navigation ป้ายนำทางบนเว็บไซต์ ที่ส่งผลดีต่อ SEO

เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีหน้าเว็บและข้อมูลเยอะมาก อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกสับสนและหลงทางได้ การมีตัวช่วยนำทางบนเว็บไซต์หรือ Breadcrumb Navigation ติดตั้งไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับ
53

รู้จัก DeepSeek AI เอไอสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ต้องบอกว่าในปี 2025 นี้ แพลตฟอร์ม AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายด้านได้อีกด้วย คุณสามารถใช้ AI ในการทำงานแทน อย่างเขียนบทความ สรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาข้อมูล เขี
53
th