1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. PDCA คืออะไร 4 หลักสำคัญช่วยพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
PDCA คืออะไร
เผยแพร่เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2024

PDCA คืออะไร 4 หลักสำคัญช่วยพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ

Table Of Contents

การพบเจอปัญหาในการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือวิธีการรับมือและแก้ไขอย่างเป็นระบบ หลายคนอาจเคยสงสัยว่า PDCA คืออะไร PDCA ย่อมาจากอะไร และทำไมถึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาองค์กร ANGA จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ PDCA หรือวงจรคุณภาพที่ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหา แต่ยังช่วยพัฒนากระบวนการทำงานของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านขั้นตอนที่เป็นระบบและสามารถวัดผลได้จริง พร้อมช่วยพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จได้จริงผ่านบทความนี้

PDCA คืออะไร PDCA ย่อมาจากอะไร

PDCA คือวงจรการบริหารงานคุณภาพที่ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ Plan (การวางแผน), Do (การลงมือทำ), Check (การตรวจสอบ) และ Act (การปรับปรุง) โดยเป็นระบบที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1950 โดย Dr. William Edward Deming จากแนวคิดของ Walter Andrew Shewhart ผู้เป็นอาจารย์ของเขา จนได้รับการขนานนามว่าเป็น Deming Cycle หรือ Shewhart Cycle

จุดเด่นของ PDCA คือการเป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกองค์กรและทุกอุตสาหกรรม ซึ่งเราจะเห็นได้จากความสำเร็จของบริษัทระดับโลกอย่าง Toyota ที่นำ PDCA มาพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็น Toyota Way ที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การมีระบบการทำงานที่เป็นขั้นตอนและสามารถวัดผลได้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ PDCA ไม่ใช่เพียงทฤษฎีหรือแนวคิดเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยยกระดับการทำงานขององค์กรได้จริง ผ่านการทำซ้ำอย่างเป็นระบบในรูปแบบวงจร ที่สำคัญคือสามารถนำไปปรับใช้ได้ตั้งแต่ระดับองค์กรไปจนถึงการใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นและเหมาะกับทุกสถานการณ์

PDCA ประกอบด้วยอะไรบ้าง

เราก็ได้ทราบกันไปแล้วว่า PDCA คืออะไร ต่อมาลองมาเจาะลึกถึงองค์ประกอบของ PDCA กันดูบ้าง ว่าแต่ละองค์ประกอบอย่าง Plan, Do, Check และ Act เนี่ย มันหมายความว่าอะไรและมีหลักปฏิบัติอย่างไรบ้าง

Plan (การวางแผน)

การวางแผนเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการดำเนินงานทั้งหมด โดยต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และออกแบบแผนงานที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งด้านทรัพยากร บุคลากร งบประมาณ และระยะเวลา นอกจากนี้ ยังต้องคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมแผนรองรับไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

Do (การปฏิบัติ)

ขั้นตอนนี้คือการนำแผนที่วางไว้มาปฏิบัติจริง โดยต้องสื่อสารแผนงานให้ทุกคนในทีมเข้าใจตรงกัน มีการจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม และติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด การลงมือทำควรเริ่มจากโครงการขนาดเล็กหรือนำร่องก่อน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของแผนและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลสำคัญระหว่างการดำเนินงานไว้เป็นหลักฐาน

Check (การตรวจสอบ)

การตรวจสอบเป็นขั้นตอนที่ช่วยประเมินว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นไปตามแผนและบรรลุเป้าหมายหรือไม่ โดยต้องมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์ผลลัพธ์เทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ และระบุปัญหาหรืออุปสรรคที่พบระหว่างการดำเนินงาน การตรวจสอบที่ดีควรทำอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกด้าน ไม่ใช่แค่ดูผลลัพธ์สุดท้ายเพียงอย่างเดียว

Act (การปรับปรุง)

ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำผลการตรวจสอบมาวิเคราะห์และปรับปรุงการทำงาน หากพบว่าผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมาย ก็ควรกำหนดเป็นมาตรฐานและขยายผลไปยังส่วนอื่น ๆ ขององค์กร แต่หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่อง ก็ต้องวิเคราะห์สาเหตุและหาแนวทางแก้ไข จากนั้นเริ่มวงจร PDCA ใหม่อีกครั้ง เพื่อพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่าง PDCA ในการทำงาน

การนำ PDCA ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานจริงจะช่วยให้เราสามารถจัดการงานได้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะงานที่ต้องทำเป็นประจำหรืองานที่มีความซับซ้อน มาดูตัวอย่างการนำ PDCA มาใช้ในการจัดทำรายงานให้ลูกค้ากัน

  1. Plan (การวางแผน)
  • กำหนดเป้าหมายว่าต้องส่งรายงานให้ลูกค้าภายในวันศุกร์
  • จัดลำดับความสำคัญของงาน
  • แบ่งงานให้ทีม
  • ตั้งเวลาส่งงานแต่ละส่วน
  1. Do (การปฏิบัติ)
  • รวบรวมข้อมูลตามแผน
  • เริ่มเขียนรายงาน
  • ประสานงานกับทีม
  • บันทึกปัญหาที่พบ
  1. Check (การตรวจสอบ)
  • ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
  • เช็กความครบถ้วนของเนื้อหา
  • ดูความคืบหน้าเทียบกับแผน
  • รวบรวมปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
  1. Act (การปรับปรุง)
  • แก้ไขปัญหาที่พบ
  • ปรับปรุงขั้นตอนที่ล่าช้าให้เร็วขึ้น
  • เพิ่มคนช่วยในส่วนที่ติดขัด
  • จดบันทึกไว้พัฒนางานครั้งต่อไป

ประโยชน์ของ PDCA คืออะไร

PDCA เป็นเครื่องมือบริหารจัดการที่มีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาองค์กรและการทำงาน เพราะช่วยให้เกิดการปรับปรุงอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทำให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า PDCA มีประโยชน์อะไรบ้าง

1. สร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

การใช้ PDCA จะช่วยสร้างระบบการทำงานที่เป็นขั้นตอนชัดเจน ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการปรับปรุงพัฒนา ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถทำงานไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังช่วยสร้างมาตรฐานการทำงานที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

2. แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

ด้วยกระบวนการตรวจสอบที่เป็นระบบของ PDCA ทำให้องค์กรสามารถระบุสาเหตุของปัญหาได้อย่างชัดเจน สามารถวิเคราะห์และประเมินผลการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญคือช่วยป้องกันการเกิดปัญหาเดิมซ้ำในอนาคต เพราะมีการเรียนรู้และพัฒนาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา

3. ลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน

การใช้ PDCA เริ่มจากการทดลองในขนาดเล็กก่อนขยายผล ทำให้สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เริ่มต้น อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี

4. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

การใช้ PDCA อย่างต่อเนื่องช่วยให้องค์กรค้นพบวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า และส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้องค์กรมีความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

5. พัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง

PDCA ช่วยสร้างวัฒนธรรมการปรับปรุงศักยภาพของงานอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป องค์กรจึงสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว

บทสรุป

หลังจากทำความเข้าใจไปแล้วว่า PDCA คืออะไร สิ่งสำคัญคือการนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กร เครื่องมือนี้ช่วยให้การบริหารงานเป็นระบบมากขึ้น ผ่านกระบวนการ 4 ขั้นตอนที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน ลงมือทำ ตรวจสอบ และปรับปรุง โดยคุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเอง การบริหารทีม หรือการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ PDCA จึงไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพราะมีการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้องค์กรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมั่นคงนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
58

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
71

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
72
th