1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Clickbait คืออะไร พาดหัวยั่วให้คลิกหมายถึงอะไร ข้อดี ข้อเสีย
Clickbait คือ
เผยแพร่เมื่อ: มกราคม 28, 2025

Clickbait คืออะไร พาดหัวยั่วให้คลิกหมายถึงอะไร ข้อดี ข้อเสีย

Table Of Contents

ทุกครั้งที่มีประเด็นฮอตหรือดราม่าใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ มันทำให้เราสงสัยใคร่รู้อย่างมากว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป จากนั้นก็กดเข้าไปที่ใต้โพสต์เพื่ออ่านคอมเมนต์เพิ่มเติม สิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยมากคือประโยคที่ล่อตาล่อใจให้เราคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่ออ่านเนื้อหาหรือไม่ก็ดูวิดีโอเพิ่มเติม เช่น “เปิดกล้องวงจรปิด เผยความจริงที่ซ่อนอยู่!!” หรือ “หลักฐานล่าสุด รีบดูก่อนโดนลบ คลิกเลย!” นี่แหละคือสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ว่าเป็น “พาดหัวยั่วให้คลิก” หรือที่เราเรียกกันว่า Clickbait (คลิกเบต) ซึ่งเราจะบอกว่า Clickbait คือกลยุทธ์ในการทำ Content Marketing รูปแบบหนึ่งก็ได้ หรือจะบอกว่าเป็นวิธีที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกล่อเพื่อลวงเอาข้อมูลของผู้คลิกก็ได้เช่นกัน ANGA จะพาคุณไปคลายข้อสงสัยว่า Clickbait คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และเราจะนำคลิกเบตมาช่วยทำการตลาดออนไลน์อย่างไรได้บ้าง

Clickbait คืออะไร

Clickbait คือวิธีการสร้างพาดหัวข่าวหรือหัวข้อเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้จิตวิทยาขั้นสูงเพื่อดึงดูดให้ผู้อ่านเกิดความอยากรู้อยากเห็นและคลิกเข้าไปอ่าน ซึ่งทางสำนักงานราชบัณฑิตยสภาได้กำหนดศัพท์บัญญัติไว้ว่าเป็นพาดหัวยั่วให้คลิก โดย Clickbait มักใช้คำที่เร้าอารมณ์หรือสร้างความรู้สึกตื่นเต้น เช่น “สุดช็อก!” “เปิดโปง!” “คุณจะไม่เชื่อ!” หรือ “ความลับที่ไม่มีใครเคยรู้” แต่เมื่อคลิกเข้าไปอ่าน กลับพบว่าเนื้อหาไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือมีคุณค่าอย่างที่พาดหัวบอกไว้ เช่น พาดหัว “เผยความลับสุดช็อก! สิ่งที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าดารา” แต่เนื้อหากลับเป็นเพียงภาพถ่ายธรรมดาของของใช้ทั่วไปในกระเป๋า

Clickbait คือ

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ Bark

จุดประสงค์ของ Clickbait คืออะไร 

  • กระตุ้นให้เกิดการแชร์และการมีส่วนร่วม (Engagement) บนโซเชียลมีเดีย
  • สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์หรือเว็บไซต์ผ่านเนื้อหาที่น่าสนใจ
  • เพิ่มอัตราการคลิก (Click-Through Rate) ให้สูงขึ้นในระยะสั้น
  • เพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา
  • ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายด้วยการใช้อารมณ์และความอยากรู้อยากเห็น
  • สร้างกระแสและการพูดถึงในวงกว้าง แม้บางครั้งอาจเป็นกระแสในแง่ลบ

ทำไมคลิกเบตจึงกลายเป็น “พาดหัวยั่วให้คลิก”

Clickbait มีความเกี่ยวข้องกับจิตวิทยา โดยเฉพาะทฤษฎี “ช่องว่างของข้อมูล” (Information Gap Theory) ที่อธิบายว่าเมื่อมนุษย์รับรู้ถึงช่องว่างระหว่างสิ่งที่ตนเองรู้กับสิ่งที่อยากรู้ จะเกิดความรู้สึกอึดอัดและต้องการเติมเต็มช่องว่างนั้นทันที นักการตลาดจึงใช้จิตวิทยานี้สร้างพาดหัวที่เปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วน ทำให้ผู้อ่านเกิดความกระหายใคร่รู้จนต้องคลิกเข้าไปหาคำตอบ

  • การกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ เพราะสมองมนุษย์ถูกตั้งโปรแกรมให้ต้องการเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหายไปโดยอัตโนมัติ
  • การสร้างความรู้สึกเร่งด่วน ใช้คำที่สื่อถึงเวลาจำกัดหรือโอกาสพิเศษ ทำให้กลัวพลาดข้อมูลสำคัญ
  • การเชื่อมโยงกับอารมณ์พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความสุข ความประหลาดใจ หรือความโกรธ ล้วนกระตุ้นให้อยากค้นหาคำตอบ
  • การสร้างความรู้สึกพิเศษ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าจะได้เข้าถึงข้อมูลที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสรู้
  • การใช้คำถามที่ไม่มีคำตอบชัดเจน ช่วยสร้างความคลุมเครือที่ต้องการการไขปริศนา

เหตุผลที่ราชบัณฑิตยสภาได้บัญญัติคำว่า “พาดหัวยั่วให้คลิก” เป็นคำแปลของ Clickbait เนื่องจากสะท้อนลักษณะสำคัญและความหมายที่แท้จริงของคำนี้ได้อย่างชัดเจน โดยแยกองค์ประกอบได้เป็น “พาดหัว” ที่หมายถึงข้อความที่ใช้เป็นหัวข้อหรือชื่อเรื่อง และ “ยั่วให้คลิก” ที่สื่อถึงการจงใจสร้างความน่าสนใจเพื่อล่อใจให้ผู้อ่านกดเข้าไปอ่าน เปรียบเสมือนการใช้เหยื่อล่อให้คนมาติดกับ ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า “bait” ในภาษาอังกฤษที่แปลว่าเหยื่อล่อนั่นเอง นอกจากนี้คำว่า “ยั่ว” ยังสื่อถึงลักษณะการกระทำที่มีเจตนาในการกระตุ้นหรือปลุกเร้าความรู้สึกของผู้อ่านอย่างจงใจนั่นเอง

Clickbait

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ PPC Markets

Clickbait มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร

การใช้ Clickbait เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะแม้จะสามารถดึงดูดคลิกและสร้างรายได้ในระยะสั้นได้ดี แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อผู้อ่านรู้สึกผิดหวังจากเนื้อหาที่ไม่ตรงกับพาดหัว ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียฐานผู้อ่านประจำและความไว้วางใจจากกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่ออันดับใน Search Engine ได้

ข้อดีของ Clickbait

  • สร้างยอดคลิก (CTR) และยอดเข้าชมเว็บไซต์ได้สูงในระยะสั้น
  • เพิ่มรายได้จากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Google AdSense
  • กระตุ้นให้เกิดการแชร์และการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
  • สร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ทำให้เนื้อหาเป็นที่จดจำและพูดถึงในวงกว้าง

ข้อเสียของ Clickbait

  • ทำลายความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว
  • สร้างความผิดหวังและความไม่พอใจให้กับผู้อ่าน
  • เสี่ยงต่อการถูก Google ลงโทษและลดอันดับในผลการค้นหา
  • อาจถูกมองว่าเป็นเนื้อหาที่ไร้คุณภาพและขาดความน่าเชื่อถือ
  • เสี่ยงต่อการสูญเสียผู้ติดตามที่มีคุณภาพ
  • อาจนำไปสู่การแสดงความคิดเห็นในแง่ลบบนโซเชียลมีเดีย
  • เสี่ยงต่อการถูกแบนจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

สอนใช้ Clickbait ทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์

  • ทำความรู้จักกลุ่มเป้าหมาย เพราะการเข้าใจความต้องการและความสนใจของผู้อ่านจะช่วยให้สร้างพาดหัวที่ตรงใจและได้ผลดีกว่า
  • สร้างความอยากรู้อยากเห็นอย่างมีเหตุผล โดยเปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วนที่น่าสนใจ แต่ต้องมั่นใจว่าเนื้อหาภายในมีคุณค่าเพียงพอที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้อ่านได้
  • ใช้ตัวเลขและรายการ (List) ในพาดหัว เพราะสมองมนุษย์ชอบข้อมูลที่เป็นระบบและคาดเดาได้ เช่น “7 เคล็ดลับ…” หรือ “10 วิธี…”
  • สร้างความเร่งด่วนและความพิเศษ ด้วยการใช้คำที่สื่อถึงเวลาจำกัดหรือโอกาสพิเศษ เช่น “ด่วน!” “เฉพาะวันนี้!” แต่ต้องไม่สร้างความกดดันมากเกินไป
  • ใช้คำถามที่กระตุ้นความคิด โดยตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย แต่ต้องมั่นใจว่ามีคำตอบที่ชัดเจนในเนื้อหานั้นด้วย
  • ทดสอบและวัดผลอย่างต่อเนื่อง ติดตามว่าพาดหัวแบบไหนที่ได้ผลดีกับกลุ่มเป้าหมาย และปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ 
  • รักษาสมดุลระหว่างความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือ อย่าให้พาดหัวดูเกินจริงจนทำให้แบรนด์เสียความน่าเชื่อถือ

บทสรุป

Clickbait คือเครื่องมือทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งจะอยู่ในลักษณะของพาดหัวที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี แต่คลิกเบตก็มีทั้งข้อดี–ข้อเสีย และข้อควรระวังในการใช้งาน รวมถึงต้องมีความสมดุลกันระหว่างการดึงดูดความสนใจและการรักษาภาพลักษณ์หรือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วย เพื่อให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของการทำการตลาดออนไลน์ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Clickbait ขนาดนั้น แนะนำให้ลงทุนและลงแรงไปกับการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ และตอบโจทย์ผู้อ่านจะเป็นการดีที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
58

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
71

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
72
th