1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Google Analytics 4 คืออะไร ต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างไร
Google Analytics 4 คืออะไร
เผยแพร่เมื่อ: เมษายน 1, 2024 | แก้ไขเมื่อ: ตุลาคม 3, 2024

Google Analytics 4 คืออะไร ต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างไร

Table Of Contents

Google Analytics (GA) เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมาก สำหรับนักการตลาดและแบรนด์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพราะ GA จะช่วยให้คุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาใช้งานบนเว็บไซต์มากขึ้น และทำให้คุณได้ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพต่อไป แต่ตอนนี้ไม่มี GA เวอร์ชันเดิมหรือ Universal Analytics (UA) อีกต่อไป เพราะ Google ได้เปิดตัว “Google Analytics 4 (GA4)” ที่เป็นเวอร์ชันใหม่ ออกมาให้ใช้งานกันทั่วโลกแล้ว

Google Analytics 4 หรือชื่อเดิมคือ App and Web Property มีความแตกต่างจาก GA เวอร์ชันเดิมในหลาย ๆ ด้าน เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ทั้งในด้านของศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูล, โมเดลข้อมูลที่นำมาใช้, การรายงานสรุปผลที่เจาะลึกมากขึ้น และอื่น ๆ อีกมากมาย บอกได้เลยว่าครบเครื่องกว่าเดิมมาก ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจว่า Google Analytics 4 คืออะไร และมีความแตกต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างไร ในบทความนี้ไปพร้อม ๆ กับแองก้าได้เลย! 

Google Analytics 4 คืออะไร

Google Analytics 4 คือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลแบบครบวงจร ที่จะช่วยให้คุณเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งคำนวณหรือเปรียบเทียบข้อมูลที่มาจากเครื่องมือแตกต่างกันเหมือนที่ผ่านมา และยังทำให้คุณได้ข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

จุดเด่นของ Google Analytics 4

  • ใช้ข้อมูลตามเหตุการณ์ (Event) แทนข้อมูลตามเซสชัน (Session) เพื่อวัดระยะเวลาการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งานแต่ละคน
  • รองรับการวัดผลและประเมินพฤติกรรมของผู้ใช้งานแบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Cookie เพื่อควบคุมความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
  • ช่วยให้คุณได้รู้จักและเข้าใจ Customer Journey (เส้นทางการซื้อสินค้าของลูกค้า) อย่างละเอียด
  • สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ใช้งานและ Conversion ได้ โดยที่ไม่ต้องอาศัยโมเดลที่ซับซ้อนอย่าง Machine Learning

Google Analytics 4 ต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างไร

Google Analytics 4 ต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างไร

Google Analytics 4 แตกต่างจาก Google Analytics เวอร์ชันเก่า ตรงที่มีความครอบคลุมในการเก็บรวบรวมข้อมูลและมีการเจาะลึกในด้านของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น สามารถตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ สามารถวัดผลได้แม่นยำขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาอีกเพียบ แต่ในเรื่องของความยากในการใช้งานก็เรียกได้ว่ายากกว่าเวอร์ชันเก่าในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ใครที่ยังไม่เคยใช้อาจจะต้องมาเรียนรู้กันใหม่ตั้งแต่แรกเลย (อ่านวิธีติดตั้ง GA4) และนี่คือความแตกต่างของ Google Analytics 4 กับเวอร์ชันเดิม ๆ ที่คุณเคยใช้มา

การวิเคราะห์แบบ Cross-platform

การวิเคราะห์แบบ Cross-platform บน Google Analytics 4 คือฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่อยู่บนแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ในที่เดียว เพื่อแก้ปัญหาความไม่แม่นยำของข้อมูลที่เคยเกิดขึ้นกับ GA เวอร์ชันก่อน ผ่านการใช้งาน Firebase SDK (ชุดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการติดตามข้อมูลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ )

เพราะก่อนที่จะมี GA4 คุณจะต้องติดตามข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันด้วยเครื่องมือคนละตัวกัน ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้งานคนเดียวกันที่เข้าไปใช้งานทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันถูกเก็บมาแยกกัน หรือนับว่าเป็น 2 คนแทนที่จะเป็นคนเดียว

ซึ่งการวิเคราะห์แบบ Cross-platform บน Google Analytics 4 จะทำให้คุณได้เห็น Customer Journey หรือพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ครบทุกขบวนการ ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านการใช้งานบนแพลตฟอร์มไหนหรืออุปกรณ์ใดมาก่อนก็ตาม

เก็บข้อมูลได้ครบถ้วนกว่าเดิม

Google Analytics เวอร์ชันเก่าจะเน้นไปที่การเก็บข้อมูลเชิงประชากรศาสตร์ (Demographics) และข้อมูลเชิงจิตวิทยา (Psychographics) เป็นหลัก ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน (Behavior) ที่ละเอียดมากพอ ทำให้ประสิทธิภาพของข้อมูลไม่ได้สูงและนำไปใช้วิเคราะห์ต่อยอดได้อย่างแม่นยำมากนัก

แต่ใน Google Analytics 4 นี้ มีการโฟกัสไปที่การเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น จึงทำให้นักการตลาดและแบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานละเอียดมากขึ้น สามารถนำไปคาดการณ์พฤติกรรมและแนวโน้มในการซื้อสินค้าของลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย

ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

บน Google Analytics เวอร์ชันเก่าจะมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานผ่าน Cookie (ผู้ใช้ต้องกดยอมรับการใช้งานคุกกี้ เราถึงจะได้ข้อมูลของพวกเขามาใช้งาน) แต่ในช่วงพักหลัง ๆ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ยินยอมให้ใช้งานคุกกี้ Google จึงได้คิดวิธีการวัดผลใหม่ ที่ไม่ต้องอาศัยคุกกี้อีกต่อไป และยังเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากขึ้นด้วย ซึ่งวิธีการนั้นอยู่ใน Google Analytics 4 นั่นเอง

  • เก็บข้อมูลแบบ Event-Based เพื่อติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน แทนที่จะเก็บข้อมูลแบบ Session-Based เหมือนเวอร์ชันเดิม
  • นำ Machine Learning มาวิเคราะห์ข้อมูล Event เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยที่ไม่ต้องอาศัยการใช้งานคุกกี้
  • ใช้โมเดลข้อมูลแบบ User-Centric เน้นเก็บข้อมูลของ User ID แทนที่จะเก็บข้อมูลอุปกรณ์ เพื่อให้นักการตลาดสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ

การแสดงข้อมูลแบบ Real-time

คุณสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ ผ่านการใช้งาน Real-time Report บน Google Analytics 4 ซึ่งมีข้อดีตรงที่จะทำให้นักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานในขณะนั้นมากขึ้น พบปัญหาที่ผู้ใช้งานเจอและสามารถแก้ไขได้ทันทีทันใด รวมทั้งยังช่วยให้คุณได้ไอเดียในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มากขึ้นอีกด้วย โดยฟีเจอร์นี้จะแสดงข้อมูลของจำนวนผู้ใช้งาน, หน้าเว็บไซต์ที่กำลังเปิดดู, เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (การกรอกข้อมูล หรือการคลิกที่ปุ่มต่าง ๆ ) และแสดง Conversion ที่เกิดขึ้น

สรุปเรื่อง Google Analytics 4 คืออะไร

Google Analytics 4 คือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเวอร์ชันล่าสุดจาก Google ที่สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้ในเครื่องมือเดียว โดยจะเน้นไปที่การเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมมากขึ้น มีการเก็บข้อมูลแบบ Event-Based และเก็บข้อมูล User ID แทนการใช้ Cookie ด้วย ทำให้คุณสามารถเข้าถึง Customer Journey ได้ครบทุกขั้นตอน จากนั้นก็สามารถนำไปวิเคราะห์แผนการตลาด ปรับกลยุทธ์ และคาดการณ์แนวโน้มของผู้ใช้งานได้อย่างละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Organic Traffic คืออะไร พร้อมวิธีเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต์

Web Traffic คือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่มีความสำคัญมาในการทำให้เว็บไซต์เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Traffic มาได้จากหลายช่องทาง อาทิ Paid, Direct, Social Media, Referral และ Organic Traffic แต่ Traf
53

Breadcrumb Navigation ป้ายนำทางบนเว็บไซต์ ที่ส่งผลดีต่อ SEO

เว็บไซต์ส่วนใหญ่มีหน้าเว็บและข้อมูลเยอะมาก อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกสับสนและหลงทางได้ การมีตัวช่วยนำทางบนเว็บไซต์หรือ Breadcrumb Navigation ติดตั้งไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับ
53

รู้จัก DeepSeek AI เอไอสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ต้องบอกว่าในปี 2025 นี้ แพลตฟอร์ม AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายด้านได้อีกด้วย คุณสามารถใช้ AI ในการทำงานแทน อย่างเขียนบทความ สรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาข้อมูล เขี
53
th