1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. กฎหมายคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง 13 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุด
กฎหมายคอมพิวเตอร์
เผยแพร่เมื่อ: มีนาคม 28, 2025

กฎหมายคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง 13 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุด

Table Of Contents

นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจออนไลน์ต้องรู้ไว้ กฎหมายคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ANGA ขอแนะนำให้ทุกคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ทำความเข้าใจกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2560 พร้อมโทษให้ดี เพราะแค่การโพสต์โฆษณาที่เกินจริง ส่งอีเมลขายของโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือแม้แต่การละเลยความคิดเห็นที่ผิดกฎหมายบนเพจของคุณ ก็อาจนำไปสู่ความรับผิดทางกฎหมายที่มีโทษทั้งจำและปรับ บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักกฎหมายคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ 13 ข้อ พร้อมแนบตัวอย่าง โทษ และข้อควรระวังสำหรับนักการตลาดยุคใหม่

กฎหมายคอมพิวเตอร์คืออะไร

กฎหมายคอมพิวเตอร์หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดในโลกดิจิทัล ครอบคลุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก สมาร์ตโฟน หรือระบบที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ กฎหมายคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาเพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มีคนใช้งานแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้มีอาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน

ประเทศไทยมีการประกาศใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ครั้งแรกในปี 2550 และได้มีการปรับปรุงเป็นฉบับที่ 2 ในปี 2560 เนื่องจากฉบับแรกมีข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะประเด็นความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติและการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนำความผิดฐานหมิ่นประมาทมาฟ้องร้องภายใต้พ.ร.บ.นี้ ฉบับปรับปรุงจึงได้แก้ไขให้มีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มบทบัญญัติที่ครอบคลุมการกระทำความผิดรูปแบบใหม่ ๆ และปรับบทลงโทษให้เหมาะสมกับยุคสมัยด้วย

กฎหมายคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง พร้อมบทลงโทษ

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับปัจจุบัน (พ.ศ. 2560) ประกอบด้วยความผิด 13 ฐานหลัก ครอบคลุมตั้งแต่การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์ การทำลายข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ไปจนถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือลามกอนาจาร กฎหมายคุ้มครองทั้งความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์และการป้องกันการกระทำผิดผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น การแชร์ข้อมูลปลอมที่สร้างความเสียหายต่อผู้อื่น หรือการใช้โปรแกรมทำลายข้อมูลผู้อื่น (มัลแวร์) เป็นต้น

1. การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 5)

มาตรานี้คุ้มครองระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกันการเข้าถึงไว้เป็นพิเศษ เช่น มีรหัสผ่าน หรือการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น โดยห้ามบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตทำการล่วงล้ำเข้าไปในระบบ แม้จะไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ก็ตาม การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของเจ้าของระบบ

  • ตัวอย่าง : การแฮกเข้าระบบอีเมลของผู้อื่น, การใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 10,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 6 เดือน

2. การเปิดเผยมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบ (มาตรา 6)

กฎหมายข้อนี้คุ้มครองความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ โดยห้ามผู้ที่ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น นำไปเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของระบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยรหัสผ่าน การแชร์ช่องโหว่ หรือวิธีการที่ใช้ในการเข้าถึงระบบ

  • ตัวอย่าง : การเผยแพร่รหัสผ่านของผู้อื่น, การเปิดเผยช่องโหว่ของระบบโดยไม่แจ้งเจ้าของระบบก่อน
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 20,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 1 ปี

3. การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 7)

มาตรานี้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่มีการป้องกันการเข้าถึงเป็นพิเศษ โดยห้ามผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว แม้ว่าจะสามารถเข้าถึงระบบได้อย่างถูกต้องแล้วก็ตาม การละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูลถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

  • ตัวอย่าง : การเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวในคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น, การเข้าดูข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 40,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 2 ปี

4. การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ (มาตรา 8)

กฎหมายข้อนี้ห้ามการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ เพื่อดักจับข้อมูลที่กำลังส่งผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ โดยที่ข้อมูลนั้นไม่ได้เผยแพร่เพื่อสาธารณะ การกระทำเช่นนี้เปรียบเสมือนการดักฟังการสนทนาส่วนตัวของผู้อื่น ซึ่งละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง

  • ตัวอย่าง : การใช้โปรแกรมสอดแนมดักจับข้อมูลการเข้าเว็บไซต์, การดักรับข้อมูลการส่งข้อความที่เข้ารหัส
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 60,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 3 ปี

5. การทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ (มาตรา 9)

มาตรานี้ห้ามการทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ละเมิดสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูล แต่ยังอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลนั้น ๆ 

  • ตัวอย่าง : การลบไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น, การแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 100,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 5 ปี

6. การรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 10)

กฎหมายข้อนี้ห้ามการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ การกระทำเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและสร้างความเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก

  • ตัวอย่าง : การโจมตีแบบ DDoS ทำให้เว็บไซต์ล่ม, การใช้มัลแวร์ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 100,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 5 ปี

7. การส่งข้อมูลรบกวนผู้อื่น (มาตรา 11)

มาตรานี้ควบคุมการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น รวมถึงการส่งข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธการรับได้โดยง่าย

  • ตัวอย่าง : การส่งอีเมลสแปมจำนวนมาก, การส่ง SMS โฆษณาโดยไม่ให้ผู้รับยกเลิกการรับได้
  • โทษปรับ : สูงสุด 200,000 บาท (วรรคสอง) หรือไม่เกิน 100,000 บาท (วรรคแรก)
  • โทษจำคุก : ไม่มีโทษจำคุกสำหรับความผิดตามมาตรานี้

8. ความผิดต่อความมั่นคง (มาตรา 12)

กฎหมายข้อนี้กำหนดบทลงโทษที่หนักขึ้นสำหรับการกระทำความผิดตามมาตรา 5-11 หากการกระทำนั้นส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และยิ่งหนักขึ้นหากเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต

  • ตัวอย่าง : การโจมตีระบบไฟฟ้าของประเทศ, การเจาะระบบธนาคารที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
  • โทษปรับ : ตั้งแต่ 20,000 ถึง 400,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)
  • โทษจำคุก : ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 20 ปี (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)

9. ความผิดที่เป็นเหตุให้เกิดอันตราย (มาตรา 12/1)

มาตรานี้เพิ่มบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิดตามมาตรา 7 หรือ 10 หากเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น และกำหนดโทษหนักขึ้นหากเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้มีเจตนาฆ่า

  • ตัวอย่าง : การแฮกระบบควบคุมทางการแพทย์จนทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตราย, การเจาะระบบจราจรจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • โทษปรับ : ตั้งแต่ 100,000 ถึง 400,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความรุนแรง)
  • โทษจำคุก : ตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี (กรณีทำให้มีผู้เสียชีวิต)

10. การจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่ใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)

กฎหมายข้อนี้ห้ามการจำหน่ายหรือเผยแพร่โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามมาตราต่าง ๆ ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่อาจต้องรับผิดเพิ่มเติมหากผู้นำไปใช้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

  • ตัวอย่าง : การขายโปรแกรมโจมตีระบบ DDoS, การเผยแพร่มัลแวร์เรียกค่าไถ่
  • โทษปรับ : ตั้งแต่ 20,000 ถึง 40,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความผิด)
  • โทษจำคุก : ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับความผิด)

11. การนำเข้าข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ผิดกฎหมาย (มาตรา 14)

มาตรานี้ครอบคลุมการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่เป็นเท็จ ข้อมูลปลอม ข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคง หรือข้อมูลลามกอนาจาร รวมถึงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล สังคม หรือประเทศชาติ

  • ตัวอย่าง : การโพสต์ข่าวปลอม, การเผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร, การแชร์ข้อมูลที่สร้างความตื่นตระหนกแก่สาธารณะ
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 100,000 บาท (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 60,000 บาท (กรณีต่อบุคคล)
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 5 ปี (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 3 ปี (กรณีต่อบุคคล)

12. ความรับผิดของผู้ให้บริการ (มาตรา 15)

กฎหมายข้อนี้กำหนดความรับผิดของผู้ให้บริการต่อข้อมูลผิดกฎหมายที่อยู่ในความควบคุมดูแล โดยผู้ให้บริการจะมีความผิดหากรู้ว่ามีข้อมูลผิดกฎหมายแต่ปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการระงับการเผยแพร่หรือลบข้อมูลดังกล่าวออกจากระบบภายในระยะเวลาที่กำหนด

  • ตัวอย่าง : แอดมินเพจเห็นความคิดเห็นผิดกฎหมายแล้วไม่ลบออก, ผู้ดูแลเว็บบอร์ดปล่อยให้มีการโพสต์เนื้อหาผิดกฎหมาย
  • โทษปรับ : ปรับไม่เกิน 100,000 บาท (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 60,000 บาท (กรณีหมิ่นประมาทรายบุคคล)
  • โทษจำคุก : จำคุกไม่เกิน 5 ปี (กรณีทั่วไป) หรือไม่เกิน 3 ปี (กรณีหมิ่นประมาทรายบุคคล)

13. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ (มาตรา 16/1)

มาตรานี้เพิ่มเติมในฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ห้ามการนำภาพของผู้อื่นมาตัดต่อ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง

  • ตัวอย่าง : การตัดต่อภาพบุคคลใส่เนื้อหาลามกอนาจาร, การนำรูปผู้อื่นมาล้อเลียนในทางเสื่อมเสีย
  • โทษปรับ : ไม่เกิน 200,000 บาท
  • โทษจำคุก : ไม่เกิน 3 ปี

ข้อควรระวังสำหรับนักการตลาด

การตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักการตลาดจำเป็นต้องคำนึงถึงขอบเขตของกฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีบทบัญญัติหลายประการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การละเมิดลิขสิทธิ์ การรบกวนผู้อื่นด้วยข้อความโฆษณา หรือการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

นักการตลาดจึงต้องออกแบบกลยุทธ์การตลาด โดยคำนึงถึงความถูกต้องของข้อมูล การขออนุญาตใช้เนื้อหา การเปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถปฏิเสธการรับข้อมูลได้ และการดูแลเนื้อหาบนแพลตฟอร์มของตนอย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO (Search Engine Optimization), การทำโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Google Ads, YouTube Ads, Facebook Ads, Instagram Ads, TikTok Ads ฯลฯ หรือจะเป็นการทำ Social Media Marketing ต่าง ๆ ก็ตาม

  • ระวังการนำเสนอข้อมูล หลีกเลี่ยงการโฆษณาเกินจริง ข้อความที่อาจหลอกลวง หรือข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานรองรับ
  • เคารพสิทธิส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมก่อนส่งอีเมลหรือ SMS โฆษณา และมีวิธีให้ผู้รับยกเลิกการรับข้อมูลได้ง่าย
  • ดูแลพื้นที่ออนไลน์ รับผิดชอบต่อความคิดเห็นหรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มที่ดูแล
  • อัปเดตความรู้อย่างสม่ำเสมอ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและนโยบายของแพลตฟอร์มต่างๆ

สรุป

กฎหมายคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนควรรู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ แชร์ หรือแม้แต่การกดไลก์โพสต์ก็อาจเสี่ยงผิดกฎหมายได้หากไม่ระมัดระวัง การทำความเข้าใจบทบัญญัติต่าง ๆ ช่วยปกป้องตัวเองจากการกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว และยังช่วยให้รู้สิทธิของเราเมื่อถูกละเมิดในโลกออนไลน์ด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทั่วไป นักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจ การติดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์หรือกฎของแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ จึงจำเป็นสำหรับทุกคนในยุคที่เราใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ในชีวิตประจำวัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ANGA เปิดรับสมัคร AMC รุ่น 2 (2025)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับโครงการ AMC (ANGA Management Candidates) รุ่น 2 ที่ใคร ๆ หลายคนต่างรอคอย หลังจากที่โครงการ AMC รุ่น 1 ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก  เพราะเป็นโครงการที
57

Demand Gen คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญโฆษณา Google Ads พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าด้วย Demand Gen คือรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Discovery Ads โดยการดึงเอาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้งาน พร้
70

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้มากที่สุด

อย่างที่เรารู้กันว่า Google เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วรู้ไหมว่าใครคืออันดับสอง? คำตอบคือ DuckDuckGo นั่นเอง ซึ่ง DuckDuckGo คือ​ Search Engine ที่มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยท
70
th